‘อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด’ มอง ‘ไฮยิลด์บอนด์ยุโรป’ น่าลงทุน

HoonSmart.com>> บลจ.อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด มองตราสารหนี้ไฮยิลด์ ยุโรปน่าสนใจ คาดผลตอบแทนปีนี้อยู่ในระดับที่ดี ได้ปัจจัยหนุนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย

พงศ์ธาริน ทรัพยานนท์

นายพงศ์ธาริน ทรัพยานนท์ หัวหน้าการลงทุนตราสารหนี้ประเทศไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มอเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเม้นท์ (ASI) เปิดเผยว่า ภาพรวมครึ่งปีแรกของปี 2563 ตลาดการลงทุนจะได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชนน่าจะให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดี โดยเฉพาะตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือรองลงมา

ด้านนักยุทธศาสตร์ส่วนใหญ่ประมาณการผลตอบแทนของปี 2563 ไว้ที่ 3-4% แต่ในความเป็นจริงตลาด European High Yield ได้ให้ผลตอบแทนไปแล้วถึง 2% ในหกสัปดาห์สุดท้ายของปีก่อน และตราสารหนี้อันดับ BB เพิ่มขึ้นถึง 0.44% จึงมองว่าผลตอบแทนของทั้งปีน่าจะอยู่ในระดับดีและน่าสนใจลงทุน

ทั้งนี้ ที่๋ผ่านมาอเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเม้นท์ ได้มีการพูดคุยกับนักยุทธศาสตร์การลงทุนในตราสารหนี้หลายๆท่าน โดยส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า ภาวะการทรงตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐฯและยุโรปในปี 2563 จะทำให้เห็นตราสารหนี้ภาคเอกชนฟื้นตัวบ้าง ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ แรงกดดันจากเงินเฟ้อน้อย ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปและสหรัฐฯจะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อ

อย่างไรก็ตามอเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเม้นท์ มีมุมมองไปในทิศทางเดียวกับตลาด อย่างน้อยในครึ่งปีแรก ถ้าไม่มีเหตุการณ์สำคัญอะไรมากระทบ

ส่วนผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ในปีนี้อาจทำให้ตลาดเห็นอัตราการเติบโตสูงกว่าที่คาด สภาพคล่องในตลาด ประกอบกับนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และความเชื่อมั่นในการลงทุนที่มากขึ้นจากการประนีประนอมสงครามการค้า จะส่งผลดีต่อตลาดการลงทุนโดยรวมแต่
อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปัจจัยความเสี่ยงของสินทรัพย์เกือบทุกประเภท เนื่องจากการประมาณการอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำมากในปัจจุบัน สัญญาณใดๆที่อาจทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เช่น ราคาน้ำมัน จะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว

สำหรับสถานการณ์ในปี 2562 สินทรัพย์เสี่ยงเกือบทุกประเภทให้ผลตอบแทนดีเกินความคาดหมาย สาเหตุมาจากการกลับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ที่ส่งผลเชิงบวกต่อราคาตราสารหนี้และตราสารทุน โดยมาปรับตัวขึ้นสูงในไตรมาสสุดท้าย เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในยุโรป ประกอบกับแนวโน้มเชิงบวกของการประนีประนอมสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน รวมถึงสถานการณ์ Brexit ของ สหราชอาณาจักรที่ชัดเจนมากขึ้นหลังจากบอริส จอห์นสันชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมากในรัฐสภา

ธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกประกาศลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ตลาดกลับมามีมุมมองในเชิงบวกและไม่คิดว่าเศรษฐกิจในสหรัฐฯและยุโรปจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ ในช่วงปลายปี มูลค่าตราสารหนี้ทั่วโลกที่มีอัตราผลตอบแทนติดลบลดลงจาก การกระตุ้นเศรษฐกิจยังคงมีให้เห็นต่อ โดยในสัปดาห์แรกของปีธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราส่วนเงินสำรองขั้นต่ำ และในครึ่งปีแรกของ 2563 ธนาคารกลางต่างๆจะยังคงซื้อสินทรัพย์อีกมากกว่า 5 แสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อคงหรือขยายขนาดงบดุลของตัวเอง เรามองว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินจะยังมีอย่างต่อเนื่อง

“ภาพทั้งหมดนี้บ่งบอกว่าสถานการณ์การลงทุนในปีแรกของทศวรรษใหม่มีแนวโน้มไปในทางที่ดี นโยบายการเงินจะช่วยสนับสนุนการเติบโตและการดำเนินงานของบริษัทต่างๆ ตัวเลขในอดีตแสดงให้เห็นว่านโยบายจากธนาคารกลางต่างๆเหล่านี้จะกระตุ้นให้ตราสารทุนและสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวมมีผลตอบแทนที่ดี”นายพงศ์ธาริน กล่าว